Strategic Information System Planning
เป็นการวางแผนที่ต้องประเมินว่าองค์กรนั้นต้องการระบบสารสนเทศใดบ้าง และต้องใช้วิธีการใดในการได้มา รวมทั้งจะใช้สารสนเทศให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
Four stage model of IS/IT Planning
แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
1. Strategic Planning เป็นการกำหนดกลยุทธ์ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเป้าหมายขององค์กรและระบบสารสนเทศที่สำคัญที่ต้องใช้ในการตอบสนองเป้าหมายเดียวกัน
- Set IS mission
- Access environment
- Access organizational objectives strategies
- Set IS policies, objectives, strategies
2. Organizational Information Requirements analysis ระบุสารสนเทศที่องค์กรต้องการจะใช้เพื่อที่จะสร้างสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ เพื่อนำไปพัฒนา Application ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
- Access organization’s information requirements
- Assemble master development plan
3. Resource Allocation Planning เป็นการวางแผนเพื่อจัดการทรัพยากร
- Develop resource requirements plan
4. Project Planning เป็นการประเมินความคุ้มค่า
- Evaluate project and develop project plans
The business systems planning (BSP) model
เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย IBM ในการวางแผน IS จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วทั้งองค์กรเพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างของข้อมูล ซึ่งเกิดขึ้นจาก 2 โครงสร้างพื้นฐาน คือ
- business processes
- data classes
ซึ่ง 2 โครงสร้างนี้จะบอกว่าแต่ละกระบวนการใช้และสร้าง Data อะไร เพื่อให้ทราบว่าควรจะมีinformation architecture อย่างไร databases แบบไหน จะได้หา Application มารองรับ สนับสนุนกลยุทธ์ขององค์กร และช่วยให้ข้อมูลดำรงอยู่แม้ว่าจะมีการเยนแปลงโครงสร้างองค์กรก็ตาม โดยมีขั้นตอนดังนี้
Gaining Commitment
- Defining Business Process
- Defining Data Classes
- Analyzing Current Systems Support
- Defining Findings and Conclusions
- Defining Info Architecture
- Determining Architecture Priorities
- Developing Action Plan
ข้อดี ทำให้เห็นภาพกว้างขององค์กร รวมถึงระบบและข้อมูล เหมาะสำหรับการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
ข้อเสีย ต้องใช้เวลามาก ใช้ข้อมูลจำนวนมาก และสนใจปัจจุบันมากกว่าอนาคต
Critical success factor (CSF)
การพัฒนาระบบสารสนเทศให้พร้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริหารระดับสูง โดยเน้นไปที่ประเด็นหลักๆ ที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอด/ประสบความสำเร็จขององค์กร โดย CSF จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละอุตสาหกรรม เช่นในแง่ของ ความสำคัญของ IS, Database และ DSS โดยCSF มีขั้นตอนดังนี้
- Aggregate and Analyze Individual CSFs
- Develop Agreement on Company CSFs
- Define Company CSFs หาข้อสรุปและระบุ CSF ขององค์กร
- Define DSS and Database
- Develop IS Priorities ระบุความสำคัญของระบบสารสนเทศที่ต้องการ
ข้อดี
- ผลิตข้อมูลจำนวนน้อยเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
- มีการคำนึงถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
- ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ว่าองค์กรจะจัดการกับข้อมูลอย่างไร
ข้อเสีย
- ขั้นตอนและการวิเคราะห์อยู่ในรูปของ art form
- เกิดความสับสนได้บ่อยของผู้ให้สัมภาษณ์ระหว่าง CSF ของตนเองกับขององค์กร
- ไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
No comments:
Post a Comment